ททท. จัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’ s Dream Destinations ภายใต้โครงการ " The Link Local to Global" เส้นทางภาคอีสาน : กรุงเทพมหานคร-อุดรธานี-หนองคาย
ททท. จัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’ s Dream Destinations
ภายใต้โครงการ " The Link Local to Global" เส้นทางภาคอีสาน : กรุงเทพมหานคร-อุดรธานี-หนองคาย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. จัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’ s Dream Destinations ภายใต้โครงการ " The Link Local to Global" เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในมุมมองใหม่ นำเสนอเรื่องราว วิถีชีวิต และวัฒนธรรม ประเพณี ผ่านพื้นที่เชื่อมโยง ส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงในหลากหลายมิติ ซึ่งจะสามารถสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยจัด Fam Trip 5 ภูมิภาค นำผู้ประกอบการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ ททท.และสื่อมวลชนลงสำรวจพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อนำมาทำโปรแกรมเส้นทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค โดยมีบริษัท พอล โซลูชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับทริปนี้เป็นเส้นทางภาคอีสาน กรุงเทพมหานคร-อุดรธานี-หนองคาย คณะของเราออกเดินทางสู่ จ.อุดรธานี โดยสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ SL600 เมื่อถึงสนามบินอุดรธานี คณะเราก็เปลี่ยนเป็นรถตู้ปรับอากาศ VIP เดินทางไปทานอาหารเช้ากันที่ร้านข้าวเปียกเส้น แล้วก็เดินทางสู่ "วัดป่าภูก้อน" ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม บ้านนาคำ ที่เป็นรอยต่อของจังหวัดอุดรธานี วัดป่าแห่งนี้ที่บางคนเรียกว่า "วัดพิทักษ์ผืนป่า" เพราะศาสนสถานงดงามมีจุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว โดยคณะสงฆ์ได้ทำเรื่องขออนุญาตจากกรมป่าไม้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับการใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เนื่องจากบริเวณนั้นบางส่วนกำลังถูกตีตราสัมปทานตัดไม้ เมื่อสร้างวัดเสร็จสิ้นในพื้นที่ราว 15 ไร่ เพื่อรักษาบริเวณวัดให้คงสภาพป่าอย่างสมบูรณ์ จึงมีการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่โดยรอบวัดเพื่อจัดตั้งพุทธอุทยานมีเนื้อที่ 1,000 ไร่ และได้รับขนานนามว่า ‘พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน' ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้วัดเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันผู้บุกรุกทำลายป่าต้นน้ำละแวกนั้น ตลอดจนเพื่อรักษาป้องกันไฟป่า และการบุกรุกทำลายป่าล่าสัตว์ ในปี พ.ศ. 2544 วัดป่าภูก้อนยังได้รับมอบประกาศนียบัตรจากกรมป่าไม้ เป็นวัดอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ดีเด่น ซึ่งการเป็นพุทธสถานที่อยู่ร่วมกับพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเดินขึ้นบันไดไปเราจะเห็นสถาปัตยกรรมของวัดโดดเด่นสวยงามสะดุดตา เห็นพระวิหารทรงไทยสีฟ้าอมเขียวตัดกับสีสันเขียวขจีและความสมบูรณ์ของผืนป่าโดยรอบ เมื่อเดินเข้าไปภายในพระวิหาร เรายิ่งตะลึงถึงพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาว 20 เมตร ที่แกะสลักหินอ่อนจากอิตาลีได้อย่างที่มีความอ้อนช้อย งดงาม และแปลกตา ดุจดังให้เป็นพุทธศิลป์แห่งสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ต้องการ
กราบสักการพขอพรพระนอนเป็นที่เรียบร้อย คณะเราก็เดินทางต่อไปที่ "ชุมชนบ้านเดื่อ" ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี สัมผัสวิถีชีวิตในชุมชนเล็กๆ ลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นเจ้าบ้านที่ดีที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มเป็นวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขงที่เงียบสงบและมีวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม และยังคงเอกลักษณ์ท้องถิ่น โดยนำต้นมะเดื่อในหมู่บ้านมาประยุกต์สร้างสรรค์กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่บ่งบอกวิถีตัวตน ทั้งเมนูปลาน้ำโขงและน้ำพริกมะเดื่อ ปลาจุ่ม เมี่ยงมะเดื่อปลานิล โดยเชฟที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจากเชฟระดับแนวหน้าของเมืองไทย คณะเราจึงได้ทานอาหารกลางวันที่สุดแสนอร่อย ร่วมทำกิจกรรมทำผ้า/เสื้อมัดย้อมสีมะเดื่อออร์แกนิค และทำขันหมากเบ็ง บูชาองค์พญานาคคู่
สนุกสนานกับกิจกรรมที่เราผลิตเองชิ้นเดียวในโลกด้วยความภาคภูมิใจแล้ว ก็เดินทางสู่จังหวัดหนองคาย เพื่อกราบสักการะหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย ณ วัดโพธิ์ชัย เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ในสมัยล้านช้าง หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว เดิมทีหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ. 2321 ในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่นในขณะนั้น พายุพัดแรงจัด เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ บริเวณนั้นจึงได้นามว่า “เวินแท่น” แต่การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อพระใสจนได้สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก”
หลังกราบสักการะหลวงพ่อพระใสแล้ว คณะเราก็เดินทางเข้าสู่ โรงแรมริมโขงริเวอร์วิว ที่พักเ เพื่อพักผ่อนเปลี่ยนอริยาบถตามอัธยาศัย ตกเญ็นคณะเราก็เดินทางสู่ "ลานวัฒนธรรมหน้าวัดลำดวน" ถ่ายภาพเก็บบรรยากาศยามเย็นกับทิวทัศน์ที่สวยงามกลางพญานาคคู๋เด่นเป็นสง่างามพร้อมช้อปปิ้งสินค้า อาหารทานเล่น บนถนนคนเดิน ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารชายโขง
รุ่งอรุณเบิกฟ้า คณะเราก็อำลาจังหวัดหนองคายเดินทางสู่ "คำชะโนด" อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นเกาะป่า มีพื้นที่เป็นเกาะประมาณ 20 ไร่ มีน้ำล้อมรอบ ถูกปกคลุมไปด้วยต้นคำชะโนดสูงใหญทั่วทั้งเกาะเป็นสถานที่ที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่องผีจ้างหนัง และเชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของพญานาคปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา ที่นี่คณะเราร่วมทำพิธีบายศรีบูชาองค์ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา ขอพรดังที่ใจปรารถนา ก่อนที่จะเดินเข้าไปชมความลึกลับอัศจรรย์ของเกาะคำชะโนด พร้อมกราบสักการะพญานาคปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา
เดินในเกาะคำชะโนดจนสมควรแก่เวลา คณะเราก็เดินทางไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารวีทีแหนมเนือง เป็นร้านอาหารเวียดนามที่ขึ้นชื่อในจังหวัดอุดร จากนั้นก็เดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองอุดรธานี ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2502 โดยได้มีการอัญเชิญดวงพระวิญญาณของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ที่ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ.2436 มาสถิตย์ ณ เสาหลักเมืองนี้ด้วย ส่วนเสาหลักเมืองนั้นสร้างด้วยไม้คูณ ยาว 5 เมตรเศษ ซึ่งจะฝังลึกลงไป 3 เมตร มีการบรรจุแผ่นยันต์และแก้วแหวนเงินทองต่างๆ จำนวนมากไว้ใต้ฐาน เพื่อเป็นสิริมงคล ต่อมาในปี พ.ศ.2542 ก็ได้มีการสร้างศาลหลักเมืองขึ้นมาใหม่แทนศาลหลักเมืองเดิมที่ทรุดโทรมลงมาก โดยตัวอาคารของศาลหลักเมืองมที่สร้างขึ้นใหม่ จะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ผสมผสานศิลปะของอีสาน และในบริเวณเดียวกันกับศาลหลักเมืองนี้ คณะเรายังได้กราบสักการะ "องค์ท้าวเวสสุวรรณ" เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ที่ปกป้องคุ้มครองดูแลโลกมนษุย์ ประจำทิศอุดร (เหนือ) เป็นเทพเจ้าแห่งอสูรยักษ์ รวมถึงภูตผีปีศาจ เป็นพญายักษ์เจ้าแห่งขุมทรัพย์ เทพแห่งความร่ำรวย เชื่อกันว่า บุคคลผู้ใดบูชาท้าวเวสสุวรรณ จะบังเกิดโชคลาภมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ สามารถแก้ปีชง เสริมปีชง เพราะท่านเป็นเทพแห่งปีชง ช่วยป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ป้องกันภูติ ผีวิญญาณต่างๆ ไม่กล้ามาทำอันตรายใดๆ ให้กับตนเองและคนในครอบครัว ดังนั้นผู้คนจึงนิยมกราบไหว้บูชาท่าน พร้อมทั้งกราบสักการะ "หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง" ที่เชื่อกันว่าจะทำให้มีร่มโพธิ์ร่มไทร มีผู้ใหญ่สนับสนุน ค้ำจุน และคนส่วนใหญ่มักจะมาเก็บใบโพธิ์ที่หล่นอยู่หลังคา ไปบูชากัน
กราบ 3 สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว คณะเราก็เดินทางสู่ "ศาลเจ้าปู่ย่า และศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน" สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุดรเชื้อสายจีนเคารพนับถือมายาวนาน สันนิษฐานว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2488 โดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนได้อัญเชิญผงธูปมาประทับที่ศาลไม้เล็กๆ ริมฝั่งหนองบัว ซึ่งก็คือที่ตั้งของศาลเจ้าปู่ย่าในปัจจุบัน และขยับขยายพื้นที่กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน
จากนั้นคณะเราก็เดินทางไปกราบสัการะ "ศาลเทพารักษ์" สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอุดรธานี เนื่องจากได้มีการอัญเชิญดวงพระวิญญาณของ "พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม" มาสถิต ณ ศาลแห่งนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมที่พึ่งทางใจของชาวจังหวัดอุดรธานี
ตามด้วย "อนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม" พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองอุดรธานี ประสูติเมื่อ ปี พ.ศ. 2399 ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ เรียกว่า มณฑลอุดร ในสมัยต่อมา ระหว่าง ร.ศ.112-118 ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองอุดรขึ้นเมื่อ ร.ศ. 112 ทรงจัดวางระเบียบราชการปกครองบ้านเมืองและรับราชการในหน้าที่สำคัญต่างๆ ซึ่งอำนวยประโยชน์สุขแก่ราษฎรนานับประการ อนุสาวรีย์พระองค์ท่านจึงนับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชาวจังหวัดอุดรธานีตราบเท่าทุกวันนี้
สมควรแก่ก็แวะทานเครื่องดื่มเย็นๆ และเบเกอรี่แสนอร่อยที่ "BEYOND CAFE" และกราบ "องค์พระพิฆเนศ" ที่มีนามว่า "ศรีสุขคเณศ" ที่อยู่ข้างๆ ร้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลและความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ก่อนเดินทางสู่ท่าอากาศยานอุดรธานี เดินทางด้วยเที่ยวบินที่ FD3357 .กลับกรุงเทพมหนคร โดยสวัสดิภาพ และอิ่มเอมไปด้วยความสุขประทับใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น