ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระทรวงคมนาคมจับมือมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดงานรณรงค์ โครงการ "ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน" เซฟอุบัติเหตุปีใหม่ 2567

กระทรวงคมนาคมจับมือมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดงานรณรงค์

โครงการ "ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน

เซฟอุบัติเหตุปีใหม่ 2567



         นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานรณรงค์โครงการ "ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน" โดยมีนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, นางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด, คณะกรรมการจัดงาน พร้อมด้วยเหยื่อเมาแล้วขับผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุจราจร, ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ให้การต้อนรับ โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม ได้เยี่ยมชมการตรวจวัดแอลกอฮอล์ทางลมหายใจพนักงานขับรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด ที่จะนำรถออกจากสถานีขนส่งหมอชิต และห้องสุขา บริเวณอาคารผู้โดยสารภาคกลาง ชั้น 1 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต)  เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566




        มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับบริษัทขนส่ง  จำกัด (บขส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
และภาคีเครืยข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตเมาไม่ขับ ภาครฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมน ซึ่งบรายากาคในงานมีการจัดกิจกรรมรณรงค์โครงการ "ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน" โดยภายงานมีการแจกสื่อรณรงค์ สติ๊กเกอร์ แผ่นผับ  หน้ากากอนามัยผู้ใหญ่ เด็ก เจลล้างมือ รวมทั้งนิทรรศการ และคู่มือการเดินทางปีใหม่อย่างไรให้ปลอดภัย รวมทั้งมีการเสวนาพิเศษ "ฉลองปีใหม่อย่างไรให้ปลอดภัย - ปลอดอุบัติเหตุทางถนน" โดยมีผู้แทนกรมควบคุมโรค ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหยื่อเมาแล้วข้บ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จากสถิติอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ เมื่อปี 2566 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิต 317 คน บาดเจ็บ 2,437 คน สาเหตุหลักใหญ่เกิดจากการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ง่วงแล้วขับ และขับรถตัดหน้ากระชันชิด ไม่สวมหมวกกันน็อก การฝ่าฝืนสัญญานไฟจราจร เป็นต้น




           นายสุริยะ จึงรุงเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยต่ออุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน และมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบัานฉลองปีใหม่จำนวนมาก ทางกระทรวงคมนาคมจึงต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มงวด ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม นโยบายที่สำคัญคือต้องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน




          ทั้งนี้ ได้กำหนดเป็นนโยบายให้พนักงานที่ขับขี่รถโดยสารสาธารณะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทั้งขับขี่รถ บขส. รถขสมก. และรถร่วมทั้งหลาย โดยจะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ต้องปลอดจากแอลกอฮอล์ ตรวจเข้มในเรื่องการเมาสุรา การขับรถเร็ว การโทรแล้วขับ ฯลฯ โดยเฉพาะรถสาธารณะแอลกอฮอล์จะต้องเป็นศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ หากตรวจพบว่าพนักงานขับรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย จะมีการลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือน หรือพักงาน




"ผู้ขับรถสาธารณะเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการขับขี่รถที่ สูงกว่าผู้ขับรถทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเจตนาที่จะละเมิดกฏแห่งความปลอดภัย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วฐานดื่มสุรา
ในขณะปฏิบัติหน้าที่ และผิดกฎหมายขนส่งโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "



        ด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า สถานการณ์อุบัติเหตุโดยรวมยังมีความน่าเป็นห่วง สถิติตัวเลขแม้ว่าจะลดนัอยลง แต่ก็ยังจัดว่าเป็นสถิติที่สูงอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับนานาอารยะประเทศ เทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ จึงขอให้คนไทยร่วมกันลดปัจจัยเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มีสติ ไม่ประมาทในการขับรถ




         อย่างไรก็ตามลำพังกำลังเจำหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ คงไม่สามารถดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนคนไทยได้อย่างทั่วถึง จึงขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตราย ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่รถที่มีพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน ขอให้ส่งคลิปมายังเพจอาสาตาจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ซึ่งท่านอาจได้รางวัล 1 หมื่นบาท ภายใต้โครงการลดอุบัติเหตุทางถนนด้วยคลิปวีดีโอจากความร่วมมือของคนในสังคมโดยใช้เทคโนโลยีและโซเชียสมีเดีย ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก มอบเงินรางวัลให้กับประชาชนที่ส่งคลิปผู้กระทำผิดมา



          มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ทำงานสนับสนุนการรณรงค์และการบังคับให้กฎหมายเมาไม่ขับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เข้าใจถึงความตั้งใจดีของรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผู้ค้าขายได้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่ดี แต่การดำเนินนโยบายใดนโยบายหนึ่งย่อมมีทั้งผลดีและผลกระทบ การเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เป็นการเพิ่มคนเมาแล้วขับบนท้องถนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอเสนอมาตรการลดปัญหาเมาแล้วขับจากนโยบายเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ให้กับท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดพิจารณา ดังนี้
1. ขอให้มีกฎหมายกำหนดให้มีการตรวจแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และกำหนดความผิดของเจ้าหน้าที่กรณีละเลยการปฏิบัติไม่ตรวจแอลกอฮอล์
2. ขอให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มบทลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับชนคนตายให้มีโทษจำคุกจาก 3 - 10 ปี เป็น 12-15 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงการรอลงอาญา
3. ขอให้พิจารณากฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ กรณีปล่อยปละละเลยให้ผู้มาใช้บริการเมาแล้วขับไปชนคน จนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
          












ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สทท. จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 โดยมี รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ผู้ว่าการ ททท. ร่วมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย"

สทท. จัด   ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567  โดยมี  รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ผู้ว่าการ ททท. ร่วม ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย"        นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 แถลงนโยบาย  สทท. ประจำปี 2567  และแถลงข่าว "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและอัพเดตสถานการณ์ทองเที่ยว" ไตรมาส 2/2567  พร้อมฟังการ บรรยายปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย" จาก นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมี  นายจีรวัฒน์ ลีนะกนิษฐ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ดร.เพ็ญพิสุทธ์ จินตโสภณ เลขานุการ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา  นายวิทวัส เมฆสุต  นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.)  นายวัสน์พล อรรถพรธนเสฐ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย  คณะกรรมการบริหาร แล

"ฉลอม" ประธาน TFOPTA จัดประชุมคณะกรรมการ ปี 2567-2569 ครั้งที่ 1 และร่วมเปิดเส้นทางท่องเที่ยว “ช้อปของดี เที่ยววัดดัง บางคล้า ฉะเชิงเทรา”

"ฉลอม" ประธาน TFOPTA  จัด ประชุมคณะกรรมการ ปี 2567-2569 ครั้งที่ 1 และร่วม เปิดเส้นทางท่องเที่ยว “ช้อปของดี เที่ยววัดดัง บางคล้า ฉะเชิงเทรา”         นางฉลอม สงล่า ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) จัดประชุมคณะกรรมการ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย TFOPTA ปี 2567-2569 ครั้งที่ 1 เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมหาแนวทางการขับเคลื่อนในการท่องเที่ยวให้เกิดการสนับสนุน เชื่อมโยงกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน โดยมีนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ให้เกียรติร่วมงาน  พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวและ คณะกรรมการจากทุกภูมิภาคที่มาร่วมประชุมอย่างคับคั่ง  ณ ห้องประชุมบางปะกง  ณ ห้องบางปะกง ชั้น 2 โรงแรม ที วินเทจ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา  เมื่อ วันที่ 21 มิถุนายน 2567            สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย  (TFOPTA)  จัดประชุมคณะกรรมการในครั้งนี้ ได่ร่วมกับภาคีเครือข่าย เปิดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกร

นายกสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ร่วมแสดงความยินดีกับ "เจริญ" ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายก TTAA สมัยที่สอง

นายกสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ร่วมแสดงความยินดีกับ "เจริญ" ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายก TTAA สมัยที่สอง            สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว THAI TRAVEL AGENTS ASSOCIATION ( TTAA) นำโดยนายเจริญ วังอนานนท์ นายก TTAA  จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 และเลือกตั้งคณะกรรมการ ประจำปี 2567-2569   โดย มีคณะกรรมการสมาคมฯ สมาชิก  และ ได้รับเกียรติจากนาย เอนก ศรีชีวะชาติ อดีตนายกสมาคม นานศุภฤกษ์ ศูรางกูร อดีตนายก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิ ที่ทีเอเอ เพื่อเพื่อนมนุษย์ คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม พร้อมด้วยบุคคลในวงการท่องเที่ยว เข้าร่วมประชุม ณ   ห้องประชุม 208-209 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อ วันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567        สำหรับการ ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566  ในครั้งนี้ เริ่มจาก วาระการประชุมใหญ่ สามัญ ประจำปี 2566  ในวาระต่างๆ   โดยมี นายเจริญ วังอนานนท์ นายก สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว  ( TTAA)  เป็นประธาน เปิดการประชุม  พร้อมด้วยคณะกรรรมการสมาคมฯ         โดยการ ประชุมใหญ่ สามัญ ประจำปี 2566  ในครั้งนึ้มีวาระสาระสำคัญ ดังนี้คือ วาระที่ 1 เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทรา